รีวิว Hacksaw Ridge วีรบุรุษสมรภูมิปาฏิหาริย์

 












ให้เวลาตัวเองกับกิจกรรมดูหนังย้อนหลังกันอีกสัปดาห์แล้ว คราวนี้หันมาเน้นหนังดีที่เราไม่ได้พบกับมันตอนเข้าโรง ในเมื่อไม่ได้มีความอยากออกจากบ้านทุกวันก็จำต้องใช้เวลาตอนอยู่บ้านในการดูหนังบ้าง เลือกหยิบหนังดีมันรวมกันดูในสุดสัปดาห์นี้กันเสียเลย เริ่มด้วยหนัง 2 ออสการ์ ‘Hacksaw Ridge’ หนังสงครามจากเรื่องจริงก็แล้วกันนะครับ

เรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง เดสมอนด์ ดอสส (Andrew Garfield) ที่มีชีวิตเกี่ยวข้องกับศาสนาค่อนข้างมาก หลังจากผู้คนรอบตัวพากันไปเป็นทหารร่วมรบกันแทบหมดหมู่บ้าน รวมทั้งน้องชายตัวเอง ในที่สุดเขาก็เลือกจะสมัครไปเป็นทหารกับเขาบ้าง แม้เขาจะรู้ว่าสงครามมันทำให้ทอม (Hugo Weaving) พ่อของเขาเปลี่ยนไปเป็นคนขี้เหล้า แม่ของเขาก็บอกว่าเขาไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลยหลังจากกลับมาจากสงคราม

ชายหนุ่มที่ได้พบรักกับสาวสวยอย่างพยาบาลโดโรธี (Teresa Palmer) แต่ชีวิตของเขาต้องพบกับอุปสรรคจากความเชื่อที่มั่นคงดั่งหินผาของเขาเอง เดสมอนด์ มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าที่จะร่วมรบในสงครามแต่จะไม่ฆ่าใครไม่แม้แต่การจับอาวุธ น่าสนใจในหนทางของการเป็นทหารที่ไม่จับปืนไม่ฆ่าคนนี่มันจะเป็นยังไงนะ ตามไปดูกัน


หนังสงครามคุณภาพสไตล์
 Mel Gibson ที่ชวนดุดันจริงจังและดราม่าชวนอินประมาณนึงเลยทีเดียว เพราะบทสอดใส่เอาเรื่องราวของชีวิตเบื้องหลังของชายหนุ่มเดสมอนด์ให้เราจับต้องได้มากขึ้น หนังเล่าบางส่วนของปัจจุบัน(ในหนัง) มีบทบรรยายที่พูดถึงพระเจ้าและความเชื่อทางศาสนาของตัวเอก ก่อนที่จะย้อนกลับไปไล่เล่าของเรื่องราวในอดีต เขามีพ่อที่มีความหลังที่ไม่ดีกับสงคราม เพราะสงคราม เพื่อนของพ่อจึงต้องไปนอนในหลุมฝังศพตลอดกาล เหลือเพียงพ่อที่รอดกลับมาและตั้งแต่นั้น เขาก็เปลี่ยนไปเป็นขี้เหล้าและจมจ่อมอยู่กับความเคร่งเครียด ไม่มีลูกคนไหนที่รักพ่อคนนี้ หนังฉลาดในการเล่าเรื่อง สลับกันไปกันมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ระหว่างที่เดสมอนด์กำลังเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหาร ไปพบเจอกับแรงปะทะของผู้คนที่ไม่อาจยอมรับความคิดความเชื่อด้านศาสนาที่สุดโต่งของเขาได้ กับชีวิตอีกส่วนในอดีตของเดสมอนด์ตั้งแต่วัยเด็กจนวัยรุ่น อันเป็นที่มาของการเลือกทางความเชื่อของเขา ทำให้เราถึงบางอ้อเมื่อหนังเดินทางมาถึงตรงกลาง หนังเรื่องนี้ วีรบุรุษสมรภูมิปาฏิหาริย์’



เรียกได้ว่า ครึ่งหนึ่งของหนังถ่ายทำสมรภูมิรบที่อเมริกาต้องสู้รบกับญี่ปุ่นบเนินแฮ็คซอว์ ฉากรบที่รู้สึกได้ถึงความรุนแรง ส่งผลให้ต้องนั่งน้ำตาไหลตลอดเวลา ไม่รู้เป็นอะไรกับหนังสงครามที่โคตรทำให้รู้สึกเศร้าหดหู่
 ด้วยเพราะมันคือหนังสงคราม มันมีความจริงในมายา ทำให้ทำใจยากทุกครั้งที่จะต้องมาหนังแนวนี้ หนังมีภาพของทหารที่ไส้ทะลัก ตัวขาด ขาแขงเละล่องแล่ง น่าสงสารมาก ซึ่งอีกส่วนก็ให้ความรู้สึกแย่กับสงครามที่มนุษย์ใช้อาวุธฆ่าฟันกันเพื่อชัยชนะของชาติที่ทำให้สั่นคลอนความเชื่อมั่นศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า มันไม่ได้เชิดชูความรักชาติแบบหนังอเมริกันหลายๆ เรื่องนัก แถมยังแอบมีความมนุษยชาติเล็กๆ ในนั้นด้วย Andrew Garfield ก็เล่นเอาไว้ได้โคตรดี (จนแอบคิดว่าน่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญของ Casey Affleck ได้เลยทีเดียว) เขาสวมบทบาทของทหารที่กล้าที่จะเป็นตัวเองในขณะที่รอบข้างมีแต่คนคิดอีกอย่าง และยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ แสดงความกล้าหาญในแบบที่ใครไม่เคยทำ จนได้รับการยอมรับ

และเขามีตัวตนจริงๆ ไม่ใช่แค่คนที่โลกยังไม่เคยมี


ติดตามรีวิวภาพยนตร์ ได้ที่ : movieup2you.com

ติมตามเพจได้ที่ : มูฟวี่ Up2You


ความคิดเห็น